19 กันยายน 2554

แมนยู VS เชลซี พรีเมียร์ ลีก 18/9/54

จ่าฝูง 100 % !ผีเรียงหน้ายิงจ้วงเชลซีขี้เล็ด 3-1

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโรเตชั่นยังทำผลงานสยองไม่เลิกล่าสุดเปิดบ้านเผด็จศึกเชลซีอดีตคนเคยๆเละ 3-1 โดยคริส สมอลลิ่ง,นานี่และเวย์น รูนีย์ช่วยกันยิงลงท้ายชนะรวด 5 นัดกวาด 15 แต้มเต็มนำฝูงหล่อเลือกได้

พรีเมียร์ ลีก

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 : 1 เชลซี

ประตู : 
1-0 สมอลลิ่ง น.8, 2-0 นานี่ น.37, 3-0 รูนี่ย์ น.45, 3-1 ตอร์เรส น.46

คลิปไฮไลท์ แมนยู 3-1 เชลซี


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของคู่ปรับตัวฉกาจอย่างเชลซีในการลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก ซึ่งทั้งสองทีมยังไม่แพ้ใคร โดย "ปีศาจแดง" ชนะรวด ส่วน "สิงห์ไฮโซ" เสมอ 1 ชนะ 3 เรียกได้ว่าเกมนี้มันส์อย่างแน่นอน

รูนี่ย์จับคู่กับเอร์นานเดซในแดนหน้าให้กับแมนฯยูไนเต็ด โดยเซอร์ อเล็กซ์เลือกใช้งานเฟล็ทเชอร์กับอันแดร์สันในแผงมิดฟิลด์ แต่ที่น่าแปลกคือไร้ชื่อของเฟอร์ดินานด์ในเกมนี้

ด้านเชลซีเองก็มาพร้อมไม่แพ้กัน มีตอร์เรสยืนอยู่ตำแหน่งกองหน้า โดยมีสเตอร์ริดจ์และมาต้าคอยปั้นเกมให้เขาพังประตูให้ได้เสียที

ครึ่งแรก

สิงห์เกือบได้แต่เด เกอายังเซฟ
แค่ 3 นาทีแรก เชลซีก็เกือบจะได้ประตูขึ้นนำไปแล้ว จากจังหวะที่ใช้เกมเร็วสวนแมนฯยูไนเต็ดขึ้นไป ก่อนที่จะโยนบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายยาวไปเสาสอง รามิเรสว่างโล่งอยู่จัดการวอลเล่ย์ทันที แต่บอลไปติดเท้าของเด เกอาที่ยื่นขาสกัดเอาไว้ได้ทัน

หัวคม!น้องเล็กลอยตัวโขกฉมัง
นาทีที่ 8 แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ทั้งที่เป็นการบุกครั้งแรกเท่านั้น จากจังหวะฟรีคิกของยังที่โยนบอลปั่นโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ผู้เล่นของเชลซีประกบกันไม่ดี ปล่อยให้สมอลลิ่งได้ลอยตัวโหม่งโล่งๆที่เสาสอง สะบัดเข้าไปเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม สุดปัญญาที่เช็กจะทำอะไรได้ "ปีศาจแดง" นำแล้ว 1-0

แต่พอมาดูภาพช้านั้น ดูเหมือนว่าผู้เล่นของแมนฯยูฯ รวมทั้งตัวสมอลลิ่งด้วยนั้นจะเหลื่อมล้ำหน้าไปครึ่งก้าว แต่ไลน์แมนไม่ยกธง ก็เลยต้องยกผลประโยชน์ให้กับทางเจ้าบ้านไปนั่นเอง

น้องแอนจ่ายสวย(ให้ตอร์เรส!)
นาทีที่ 12 ใจหายว๊าบกันทั้งสนาม เพราะอยู่ดีๆอันแดร์สันที่โดนรามิเรสวิ่งไล่กดดันอยู่หน้าประตูตัวเองแล้วก็ไปจ่ายพลาดเข้าเท้าของตอร์เรส หัวหอกกระทิงดุก็เลยกระชากเข้ากรอบเขตโทษ แล้วจัดการยิงทันที แต่บอลดูเหมือนจะแป้กนิดๆ ผ่านมือของเด เกอาไปแล้ว แต่ก็หลุดกรอบออกไป โอกาสทองแต่คว้าไว้ไม่ได้เองสำหรับตอร์เรส

ผีเนียนโวยจะเอาจุดโทษ
นาทีที่ 20 เนียนหน้าตาเฉยเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด สำหรับจังหวะของแลมพาร์ดที่พยายามจะโหม่งบอลเคลียร์ออกจากกรอบเขตโทษ แต่มันไปติดหน้าขาของตัวเอง แล้วเหมือนว่าจะโดนแขน ทำให้ผู้เล่นของ "ปีศาจแดง" มีการโวยเล็กๆ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร

แลมพ์ตวัดยิงไม่ตรง
อีก 2 นาทีต่อมา ต้องชมเมเรเลสสำหรับลูกงัดจ่ายข้ามกองหลังของเขาให้กับแลมพาร์ดที่วิ่งเติมขึ้นไปยิงตวัดตามน้ำในจังหวะแรกทันที แต่บอลมันพุ่งออกหลังไปพอสมควร ไม่ตรงกรอบแต่อย่างใด

ไม่น่าเชื่อ!สิงห์หลุดสามตัวยิงติดเซฟ
นาทีที่ 26 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยสำหรับจังหวะนี้ เมื่อตอร์เรสวิ่งหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ หลังจากมาต้าจ่ายทะลุช่องมาให้ ก่อนที่จะจ่ายตัดเข้ากลางมีทั้งรามิเรสและสเตอร์ริดจ์ว่างโล่งโจ้งอยู่ แต่เป็นรามิเรสที่แย่งเพื่อนยิง แล้วดันยิงกลับไปทางเดิม ทำให้เด เกอากลับตัวมาปัดทิ้งเอาไว้ได้ทันอย่างสุดยอด สเตอร์ริดจ์ถึงกับเซ็งทันที เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าโข

ช๊อตนี้ภาพจับไปที่นั่งคนดูทันที เพราะทางปีเตอร์ ชไมเคิ่ลอดีตยอดมือกาวของ "ปีศาจแดง" ถึงกับยิ้มแย้มปรบมือให้รุ่นน้องไม่หยุด

เกมสิงห์ดีกว่าชัดเจน
ต้องยอมรับเลยว่ารูปเกมของเชลซีวันนี้ดูดีกว่าทางเจ้าบ้านค่อนข้างจะชัดเจนและก็ได้ครองบอลมากกว่าพอดู เพียงแต่จังหวะจบสกอร์คงต้องปรับปรุงกันอีกหน่อย หากหวังที่จะตีเสมอให้ได้

สุดตีน!อาบังลากยิงระเบิด
นาทีที่ 37 เรียกได้เลยว่าเป็นความสุดยอดของนานี่จริงๆ เมื่อเขารับบอลโยนยาวมาจากอีแวนส์ ก่อนที่จะกระชากหนีมาต้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ สบโอกาสไม่มีคนเข้ามาบังบอลก็เลยจัดการซัดแบบเต็มตีน บอลพุ่งแรงและโค้งชนิดที่เช็กได้แค่ขยับเอื้อมเท่านั้น เพราะไม่ทันแล้ว ได้แต่มองบอลเสียบเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างงดงามสุดๆ "ปีศาจแดง" บุกน้อยต่อยหนัก นำห่าง 2-0 แล้ว

สิงห์ดูชักจะตันๆ
พอโดนลูกสองเข้าไป จากตอนแรกที่กำลังเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืนอยู่ดีๆนั้น เกมของเชลซีก็ดูจะตื๊อไปเลยทีเดียว ทำให้อาจจะต้องรอพักครึ่งแล้วไปเรียกขวัญกำลังใจพร้อมกับแก้เกมกันใหม่

โจนส์โคตรเจ๋ง!ไอ้หมูเฮงแปสบายแฮ
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกพอดีนั้น ต้องชมทั้งโจนส์และยกเรื่องดวงให้กับรูนี่ย์ เมื่อเขาลงไปทำชิ่งบอลตรงกลางสนามกับโจนส์ ก่อนที่กองหลังทีมชาติอังกฤษจะกระชากพาบอลขึ้นทะลุไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ แล้วแตะให้นานี่ที่ตอกส้นไปติดๆขัดๆชุลมุนกันในกรอบเขตโทษ ก่อนที่เทอร์รี่จะพยายามเคลียร์ทิ้งแต่บอลดันไปโดนนานี่เด้งเข้าทางรูนี่ย์ที่ยืนถูกที่ถูกเวลาแปนิ่มๆเข้าไปไม่มีเหลือ แมนฯยูไนเต็ดนำห่าง 3-0 พร้อมกับฟอร์มการยิงของรูนี่ย์ที่หยุดไม่อยู่จริงๆ

จบ 45 นาทีแรกนั้นต้องเรียกได้เลยว่าไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะทาง "ปีศาจแดง" นำห่างอยู่ถึง 3-0 ทั้งที่รูปเกมนั้นไม่ได้ดีกว่าทางเชลซีเลย แต่ความเฉียบคมต้องยกให้เขาจริงๆ

ครึ่งหลัง

โบอาสเปลี่ยนเอาแลมพาร์ดที่ครึ่งแรกดูแล้วแผ่วๆเบาๆทำอะไรไม่ค่อยได้มากนักออกไป แล้วส่งอเนลก้าลงไปจับคู่กับตอร์เรสแทน

เฮแล้วโว้ย!ตอร์เรสเปิดซิงสำเร็จ
เพียงแค่นาทีแรกของการเล่นในครึ่งหลังเท่านั้น ตอร์เรสก็มาทำประตูได้เลย จากจังหวะที่เขาวิ่งสอดขึ้นไปรับบอลที่จ่ายมาจากอเนลก้า ก่อนที่จะงัดบอลข้ามตัวของเด เกอาที่พยายามจะออกมาบล็อกเข้าประตูไป เชลซีมีความหวังขึ้นมาทันที เพราะประตูแรกมาเร็วได้ใจ แถมตัวตอร์เรสเองน่าจะได้ความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วยสำหรับประตูแรกในฤดูกาลนี้

หมูพลาด!ยิงจุดโทษไม่เข้า
นาทีที่ 56 น่าเสียดายสุดๆไปเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาอุตส่ามาได้จุดโทษจากจังหวะที่นานี่โดนโบซิงวาจิ้มล้มลงในจังหวะที่จะตามซ้ำในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัเสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่รูนี่ย์ก็พลาดไป เพราะว่าจังหวะยิงนั้นไปลื่นล้มเสียก่อน ทำให้บอลพุ่งหลุดกรอบไปไกล

ผีส่งรถด่วน,คาร์ริคลง
นาทีที่ 62 แมนฯยูไนเต็ดต้องปรับเกมบ้าง โดยส่งวาเลนเซียลงไปเล่นแทนสมอลลิ่งที่ดูแล้วเหมือนจะมีอาการบาดเจ็บและให้คาร์ริคลงไปแทนอันแดร์สันในแดนกลาง

เราสองสามคน!ถั่วโดนโบซิงวา-เช็กแซนวิซ
เห็นแล้วก็แอบฮาในจังหวะเตะมุมที่เอร์นานเดซพยายามจะไปป่วนเช็กจนโบซิงวาต้องเข้าไปช่วย ก่อนที่จะอัดก๊อปปี้เอร์นานเดซอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ดูแล้วสยึมๆยังไงไม่รู้

สิงห์จัดลูกากูลงล่าประตู
นาทีที่ 68 เชลซีเปลี่ยนเอาสเตอร์ริดจ์ที่วันนี้แม้จะวูบวาบแต่ก็ไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้ออกไปและส่งลูกากูฝาแฝดดร็อกบาลงสนามไปแทน

สิงห์กดดันผีหนักหน่วง
ตอนนี้เกมของเชลซีบุกกดดันใส่แมนฯยูไนเต็ดแบบแทบไม่ให้หายใจหายคอ ได้เตะมุมติดๆกันหลายครั้งจนแฟนบอลหายใจกันไม่ทั่วท้อง แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้

ตอร์เรสมาแล้ว!ลากกระจุยแต่ยิงไม่ได้
นาทีที่ 72 กลายเป็นว่าตอนนี้ดูเหมือนตอร์เรสคนเดิมจะเริ่มกลับมาแล้ว เพราะเขาจัดการลากบอลผ่านผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ด 2 คนเข้าไปกดเน้นๆ แต่ติดเซฟของเด เกอา จังหวะที่ตามซ้ำนั้นก็ยิงโด่งเกินไปจนข้ามคาน น่าเสียดายก็จริง แต่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียว

ผียังไม่ได้!หมูยิงชนเสา
นาทีที่ 77 จากจังหวะเล่นลูกสูตรของแมนฯยูไนเต็ด จนเอฟร่าได้ตามขึ้นไปทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะตบกลับเข้ามาบอลลอดกองหลังของเชลซีมาถึงรูนี่ย์ที่แปแบบแป้กๆ บอลไหลคลุกๆไปชนเสา เอร์นานเดซตามซ้ำก็ยิงออกไป น่าเสียดายแท้

ประเด็นอีกอย่างอยู่ตรงที่เอร์นานเดซโดนทางโคลเข้ามาตามอัดซ้ำช้า ดูจากรีเพลย์แล้วเนี่ยหวาดเสียวว่าขาจะหักจริงๆ แต่เนื่องจากมีสนับแข้งช่วยเอาไว้ ก็เลยไม่เลวร้ายขนาดนั้น

ผีเปลี่ยนถั่ว-สิงห์ส่งมิเกล
อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนเอาเบอร์บาตอฟลงไปเล่นแทนเอร์นานเดซซึ่งมีอาการบาดเจ็บ ส่วนเชลซีก็ถอดเมเรเลสแล้วให้มิเกลลงไปช่วยเกมแดนกลางแทน

โคตรช็อกโลก!ตอร์เรสยิงโล่งๆออกเฉย
นาทีที่ 83 แทบจะเอาหน้ามุดดินหนีไปเลยสำหรับตอร์เรส เมื่อเขามาพลาด พลาด พลาดแบบไม่น่าเชื่อ ในจังหวะที่รามิเรสแทงบอลทะลุช่องให้เขาหลุดเข้าไปแตะหนีเด เกอาเหลือแต่ประตูว่างๆโล่งๆ แต่เจ้าตัวกลับยิงด้วยซ้ายแล้วหลุดกรอบออกไปแบบช็อกตาตั้งทั้งตัวเอง เพื่อนร่วมทีมและคู่แข่ง ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าเขาจะพลาดในจังหวะนี้

ผีไม่ได้เฉย!เบิฟยิงติดบล็อก
ช่วงทดเวลานาทีแรก น่าเสียดายสำหรับประตูปิดกล่องของทางแมนฯยูไนเต็ด เพราะจังหวะสวนกลับที่รูนี่ย์ไม่ล้ำหน้าวิ่งหลุดขึ้นไปทางซ้าย แล้วจ่ายเข้ากลางให้กับเบอร์บาตอฟ แต่แรงไปนิด ทำให้พี่เบิร์บต้องควบไปยิงแบบพยายามเน้นให้ตรงกรอบ โคลที่วิ่งตามมาก็เลยสกัดเอาไว้ได้ทัน

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ยังคงรักษาฟอร์มเก็บชัยชนะของพวกเขาเอาไว้ได้ ด้วยการเอาชนะเชลซีไป 3-1 ครองจ่าฝูงด้วยการเก็บชัยชนะ 5 เกมรวด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 
ดาวิด เด เกอา 6.5, ฟีล โจนส์ 7, จอนนี่ อีแวนส์ 6, ปาทริซ เอฟร่า 7, คริส สมอลลิ่ง 7(วาเลนเซีย  6 น.63), อันแดร์สัน 5.5(คาร์ริค 5.5 น.63), ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์  6.5, นานี่ 8*,แอชลี่ย์ ยัง 7, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 6.5(เบอร์บาตอฟ 6 น.79), เวย์น รูนี่ย์ 7.5

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ไรอัน กิ๊กส์, ปาร์ค จี ซอง, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ฟาบิโอ

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6, จอห์น เทอร์รี่  5.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6, แอชลี่ย์ โคล  4, โจเซ่ โบซิงวา 5.5, ราอูล เมเรเลส 5.5(โอบี มิเกล - น.79), แฟรงค์ แลมพาร์ด 5(อเนลก้า 6.5 น.45), รามิเรส  6.5, ฆวน มาต้า 7, เฟร์นานโด ตอร์เรส 5.5, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ 6(ลูกากู 6 น.48)

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ฟลอร็องต์ มาลูด้า, รอส เทิร์น บูลล์, ดาวิด ลูอิซ, โอริอัล โรเมอู