19 กันยายน 2554

แมนยู VS เชลซี พรีเมียร์ ลีก 18/9/54

จ่าฝูง 100 % !ผีเรียงหน้ายิงจ้วงเชลซีขี้เล็ด 3-1

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโรเตชั่นยังทำผลงานสยองไม่เลิกล่าสุดเปิดบ้านเผด็จศึกเชลซีอดีตคนเคยๆเละ 3-1 โดยคริส สมอลลิ่ง,นานี่และเวย์น รูนีย์ช่วยกันยิงลงท้ายชนะรวด 5 นัดกวาด 15 แต้มเต็มนำฝูงหล่อเลือกได้

พรีเมียร์ ลีก

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554

สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 : 1 เชลซี

ประตู : 
1-0 สมอลลิ่ง น.8, 2-0 นานี่ น.37, 3-0 รูนี่ย์ น.45, 3-1 ตอร์เรส น.46

คลิปไฮไลท์ แมนยู 3-1 เชลซี


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดต้อนรับการมาเยือนของคู่ปรับตัวฉกาจอย่างเชลซีในการลุ้นแย่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก ซึ่งทั้งสองทีมยังไม่แพ้ใคร โดย "ปีศาจแดง" ชนะรวด ส่วน "สิงห์ไฮโซ" เสมอ 1 ชนะ 3 เรียกได้ว่าเกมนี้มันส์อย่างแน่นอน

รูนี่ย์จับคู่กับเอร์นานเดซในแดนหน้าให้กับแมนฯยูไนเต็ด โดยเซอร์ อเล็กซ์เลือกใช้งานเฟล็ทเชอร์กับอันแดร์สันในแผงมิดฟิลด์ แต่ที่น่าแปลกคือไร้ชื่อของเฟอร์ดินานด์ในเกมนี้

ด้านเชลซีเองก็มาพร้อมไม่แพ้กัน มีตอร์เรสยืนอยู่ตำแหน่งกองหน้า โดยมีสเตอร์ริดจ์และมาต้าคอยปั้นเกมให้เขาพังประตูให้ได้เสียที

ครึ่งแรก

สิงห์เกือบได้แต่เด เกอายังเซฟ
แค่ 3 นาทีแรก เชลซีก็เกือบจะได้ประตูขึ้นนำไปแล้ว จากจังหวะที่ใช้เกมเร็วสวนแมนฯยูไนเต็ดขึ้นไป ก่อนที่จะโยนบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายยาวไปเสาสอง รามิเรสว่างโล่งอยู่จัดการวอลเล่ย์ทันที แต่บอลไปติดเท้าของเด เกอาที่ยื่นขาสกัดเอาไว้ได้ทัน

หัวคม!น้องเล็กลอยตัวโขกฉมัง
นาทีที่ 8 แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน ทั้งที่เป็นการบุกครั้งแรกเท่านั้น จากจังหวะฟรีคิกของยังที่โยนบอลปั่นโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษ ผู้เล่นของเชลซีประกบกันไม่ดี ปล่อยให้สมอลลิ่งได้ลอยตัวโหม่งโล่งๆที่เสาสอง สะบัดเข้าไปเสียบตาข่ายอย่างสวยงาม สุดปัญญาที่เช็กจะทำอะไรได้ "ปีศาจแดง" นำแล้ว 1-0

แต่พอมาดูภาพช้านั้น ดูเหมือนว่าผู้เล่นของแมนฯยูฯ รวมทั้งตัวสมอลลิ่งด้วยนั้นจะเหลื่อมล้ำหน้าไปครึ่งก้าว แต่ไลน์แมนไม่ยกธง ก็เลยต้องยกผลประโยชน์ให้กับทางเจ้าบ้านไปนั่นเอง

น้องแอนจ่ายสวย(ให้ตอร์เรส!)
นาทีที่ 12 ใจหายว๊าบกันทั้งสนาม เพราะอยู่ดีๆอันแดร์สันที่โดนรามิเรสวิ่งไล่กดดันอยู่หน้าประตูตัวเองแล้วก็ไปจ่ายพลาดเข้าเท้าของตอร์เรส หัวหอกกระทิงดุก็เลยกระชากเข้ากรอบเขตโทษ แล้วจัดการยิงทันที แต่บอลดูเหมือนจะแป้กนิดๆ ผ่านมือของเด เกอาไปแล้ว แต่ก็หลุดกรอบออกไป โอกาสทองแต่คว้าไว้ไม่ได้เองสำหรับตอร์เรส

ผีเนียนโวยจะเอาจุดโทษ
นาทีที่ 20 เนียนหน้าตาเฉยเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด สำหรับจังหวะของแลมพาร์ดที่พยายามจะโหม่งบอลเคลียร์ออกจากกรอบเขตโทษ แต่มันไปติดหน้าขาของตัวเอง แล้วเหมือนว่าจะโดนแขน ทำให้ผู้เล่นของ "ปีศาจแดง" มีการโวยเล็กๆ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร

แลมพ์ตวัดยิงไม่ตรง
อีก 2 นาทีต่อมา ต้องชมเมเรเลสสำหรับลูกงัดจ่ายข้ามกองหลังของเขาให้กับแลมพาร์ดที่วิ่งเติมขึ้นไปยิงตวัดตามน้ำในจังหวะแรกทันที แต่บอลมันพุ่งออกหลังไปพอสมควร ไม่ตรงกรอบแต่อย่างใด

ไม่น่าเชื่อ!สิงห์หลุดสามตัวยิงติดเซฟ
นาทีที่ 26 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเลยสำหรับจังหวะนี้ เมื่อตอร์เรสวิ่งหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ หลังจากมาต้าจ่ายทะลุช่องมาให้ ก่อนที่จะจ่ายตัดเข้ากลางมีทั้งรามิเรสและสเตอร์ริดจ์ว่างโล่งโจ้งอยู่ แต่เป็นรามิเรสที่แย่งเพื่อนยิง แล้วดันยิงกลับไปทางเดิม ทำให้เด เกอากลับตัวมาปัดทิ้งเอาไว้ได้ทันอย่างสุดยอด สเตอร์ริดจ์ถึงกับเซ็งทันที เพราะเขาอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าโข

ช๊อตนี้ภาพจับไปที่นั่งคนดูทันที เพราะทางปีเตอร์ ชไมเคิ่ลอดีตยอดมือกาวของ "ปีศาจแดง" ถึงกับยิ้มแย้มปรบมือให้รุ่นน้องไม่หยุด

เกมสิงห์ดีกว่าชัดเจน
ต้องยอมรับเลยว่ารูปเกมของเชลซีวันนี้ดูดีกว่าทางเจ้าบ้านค่อนข้างจะชัดเจนและก็ได้ครองบอลมากกว่าพอดู เพียงแต่จังหวะจบสกอร์คงต้องปรับปรุงกันอีกหน่อย หากหวังที่จะตีเสมอให้ได้

สุดตีน!อาบังลากยิงระเบิด
นาทีที่ 37 เรียกได้เลยว่าเป็นความสุดยอดของนานี่จริงๆ เมื่อเขารับบอลโยนยาวมาจากอีแวนส์ ก่อนที่จะกระชากหนีมาต้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ สบโอกาสไม่มีคนเข้ามาบังบอลก็เลยจัดการซัดแบบเต็มตีน บอลพุ่งแรงและโค้งชนิดที่เช็กได้แค่ขยับเอื้อมเท่านั้น เพราะไม่ทันแล้ว ได้แต่มองบอลเสียบเข้าสามเหลี่ยมไปอย่างงดงามสุดๆ "ปีศาจแดง" บุกน้อยต่อยหนัก นำห่าง 2-0 แล้ว

สิงห์ดูชักจะตันๆ
พอโดนลูกสองเข้าไป จากตอนแรกที่กำลังเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืนอยู่ดีๆนั้น เกมของเชลซีก็ดูจะตื๊อไปเลยทีเดียว ทำให้อาจจะต้องรอพักครึ่งแล้วไปเรียกขวัญกำลังใจพร้อมกับแก้เกมกันใหม่

โจนส์โคตรเจ๋ง!ไอ้หมูเฮงแปสบายแฮ
นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกพอดีนั้น ต้องชมทั้งโจนส์และยกเรื่องดวงให้กับรูนี่ย์ เมื่อเขาลงไปทำชิ่งบอลตรงกลางสนามกับโจนส์ ก่อนที่กองหลังทีมชาติอังกฤษจะกระชากพาบอลขึ้นทะลุไปถึงหน้ากรอบเขตโทษ แล้วแตะให้นานี่ที่ตอกส้นไปติดๆขัดๆชุลมุนกันในกรอบเขตโทษ ก่อนที่เทอร์รี่จะพยายามเคลียร์ทิ้งแต่บอลดันไปโดนนานี่เด้งเข้าทางรูนี่ย์ที่ยืนถูกที่ถูกเวลาแปนิ่มๆเข้าไปไม่มีเหลือ แมนฯยูไนเต็ดนำห่าง 3-0 พร้อมกับฟอร์มการยิงของรูนี่ย์ที่หยุดไม่อยู่จริงๆ

จบ 45 นาทีแรกนั้นต้องเรียกได้เลยว่าไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะทาง "ปีศาจแดง" นำห่างอยู่ถึง 3-0 ทั้งที่รูปเกมนั้นไม่ได้ดีกว่าทางเชลซีเลย แต่ความเฉียบคมต้องยกให้เขาจริงๆ

ครึ่งหลัง

โบอาสเปลี่ยนเอาแลมพาร์ดที่ครึ่งแรกดูแล้วแผ่วๆเบาๆทำอะไรไม่ค่อยได้มากนักออกไป แล้วส่งอเนลก้าลงไปจับคู่กับตอร์เรสแทน

เฮแล้วโว้ย!ตอร์เรสเปิดซิงสำเร็จ
เพียงแค่นาทีแรกของการเล่นในครึ่งหลังเท่านั้น ตอร์เรสก็มาทำประตูได้เลย จากจังหวะที่เขาวิ่งสอดขึ้นไปรับบอลที่จ่ายมาจากอเนลก้า ก่อนที่จะงัดบอลข้ามตัวของเด เกอาที่พยายามจะออกมาบล็อกเข้าประตูไป เชลซีมีความหวังขึ้นมาทันที เพราะประตูแรกมาเร็วได้ใจ แถมตัวตอร์เรสเองน่าจะได้ความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วยสำหรับประตูแรกในฤดูกาลนี้

หมูพลาด!ยิงจุดโทษไม่เข้า
นาทีที่ 56 น่าเสียดายสุดๆไปเลยสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อพวกเขาอุตส่ามาได้จุดโทษจากจังหวะที่นานี่โดนโบซิงวาจิ้มล้มลงในจังหวะที่จะตามซ้ำในกรอบเขตโทษ ทำให้ผู้ตัเสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่รูนี่ย์ก็พลาดไป เพราะว่าจังหวะยิงนั้นไปลื่นล้มเสียก่อน ทำให้บอลพุ่งหลุดกรอบไปไกล

ผีส่งรถด่วน,คาร์ริคลง
นาทีที่ 62 แมนฯยูไนเต็ดต้องปรับเกมบ้าง โดยส่งวาเลนเซียลงไปเล่นแทนสมอลลิ่งที่ดูแล้วเหมือนจะมีอาการบาดเจ็บและให้คาร์ริคลงไปแทนอันแดร์สันในแดนกลาง

เราสองสามคน!ถั่วโดนโบซิงวา-เช็กแซนวิซ
เห็นแล้วก็แอบฮาในจังหวะเตะมุมที่เอร์นานเดซพยายามจะไปป่วนเช็กจนโบซิงวาต้องเข้าไปช่วย ก่อนที่จะอัดก๊อปปี้เอร์นานเดซอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ดูแล้วสยึมๆยังไงไม่รู้

สิงห์จัดลูกากูลงล่าประตู
นาทีที่ 68 เชลซีเปลี่ยนเอาสเตอร์ริดจ์ที่วันนี้แม้จะวูบวาบแต่ก็ไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้ออกไปและส่งลูกากูฝาแฝดดร็อกบาลงสนามไปแทน

สิงห์กดดันผีหนักหน่วง
ตอนนี้เกมของเชลซีบุกกดดันใส่แมนฯยูไนเต็ดแบบแทบไม่ให้หายใจหายคอ ได้เตะมุมติดๆกันหลายครั้งจนแฟนบอลหายใจกันไม่ทั่วท้อง แต่ก็ยังไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้

ตอร์เรสมาแล้ว!ลากกระจุยแต่ยิงไม่ได้
นาทีที่ 72 กลายเป็นว่าตอนนี้ดูเหมือนตอร์เรสคนเดิมจะเริ่มกลับมาแล้ว เพราะเขาจัดการลากบอลผ่านผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ด 2 คนเข้าไปกดเน้นๆ แต่ติดเซฟของเด เกอา จังหวะที่ตามซ้ำนั้นก็ยิงโด่งเกินไปจนข้ามคาน น่าเสียดายก็จริง แต่ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีเลยทีเดียว

ผียังไม่ได้!หมูยิงชนเสา
นาทีที่ 77 จากจังหวะเล่นลูกสูตรของแมนฯยูไนเต็ด จนเอฟร่าได้ตามขึ้นไปทางฝั่งซ้าย ก่อนที่จะตบกลับเข้ามาบอลลอดกองหลังของเชลซีมาถึงรูนี่ย์ที่แปแบบแป้กๆ บอลไหลคลุกๆไปชนเสา เอร์นานเดซตามซ้ำก็ยิงออกไป น่าเสียดายแท้

ประเด็นอีกอย่างอยู่ตรงที่เอร์นานเดซโดนทางโคลเข้ามาตามอัดซ้ำช้า ดูจากรีเพลย์แล้วเนี่ยหวาดเสียวว่าขาจะหักจริงๆ แต่เนื่องจากมีสนับแข้งช่วยเอาไว้ ก็เลยไม่เลวร้ายขนาดนั้น

ผีเปลี่ยนถั่ว-สิงห์ส่งมิเกล
อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนเอาเบอร์บาตอฟลงไปเล่นแทนเอร์นานเดซซึ่งมีอาการบาดเจ็บ ส่วนเชลซีก็ถอดเมเรเลสแล้วให้มิเกลลงไปช่วยเกมแดนกลางแทน

โคตรช็อกโลก!ตอร์เรสยิงโล่งๆออกเฉย
นาทีที่ 83 แทบจะเอาหน้ามุดดินหนีไปเลยสำหรับตอร์เรส เมื่อเขามาพลาด พลาด พลาดแบบไม่น่าเชื่อ ในจังหวะที่รามิเรสแทงบอลทะลุช่องให้เขาหลุดเข้าไปแตะหนีเด เกอาเหลือแต่ประตูว่างๆโล่งๆ แต่เจ้าตัวกลับยิงด้วยซ้ายแล้วหลุดกรอบออกไปแบบช็อกตาตั้งทั้งตัวเอง เพื่อนร่วมทีมและคู่แข่ง ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าเขาจะพลาดในจังหวะนี้

ผีไม่ได้เฉย!เบิฟยิงติดบล็อก
ช่วงทดเวลานาทีแรก น่าเสียดายสำหรับประตูปิดกล่องของทางแมนฯยูไนเต็ด เพราะจังหวะสวนกลับที่รูนี่ย์ไม่ล้ำหน้าวิ่งหลุดขึ้นไปทางซ้าย แล้วจ่ายเข้ากลางให้กับเบอร์บาตอฟ แต่แรงไปนิด ทำให้พี่เบิร์บต้องควบไปยิงแบบพยายามเน้นให้ตรงกรอบ โคลที่วิ่งตามมาก็เลยสกัดเอาไว้ได้ทัน

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ยังคงรักษาฟอร์มเก็บชัยชนะของพวกเขาเอาไว้ได้ ด้วยการเอาชนะเชลซีไป 3-1 ครองจ่าฝูงด้วยการเก็บชัยชนะ 5 เกมรวด

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 
ดาวิด เด เกอา 6.5, ฟีล โจนส์ 7, จอนนี่ อีแวนส์ 6, ปาทริซ เอฟร่า 7, คริส สมอลลิ่ง 7(วาเลนเซีย  6 น.63), อันแดร์สัน 5.5(คาร์ริค 5.5 น.63), ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์  6.5, นานี่ 8*,แอชลี่ย์ ยัง 7, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 6.5(เบอร์บาตอฟ 6 น.79), เวย์น รูนี่ย์ 7.5

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ไรอัน กิ๊กส์, ปาร์ค จี ซอง, อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ฟาบิโอ

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก 6, จอห์น เทอร์รี่  5.5, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช 6, แอชลี่ย์ โคล  4, โจเซ่ โบซิงวา 5.5, ราอูล เมเรเลส 5.5(โอบี มิเกล - น.79), แฟรงค์ แลมพาร์ด 5(อเนลก้า 6.5 น.45), รามิเรส  6.5, ฆวน มาต้า 7, เฟร์นานโด ตอร์เรส 5.5, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ 6(ลูกากู 6 น.48)

สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ฟลอร็องต์ มาลูด้า, รอส เทิร์น บูลล์, ดาวิด ลูอิซ, โอริอัล โรเมอู


























 

ลิเวอร์พูล VS สเปอร์ 4-0 18/9/54

ลิเวอร์พรุน!โดนสองแดงแพ้ไก่หมดสภาพ 4-0

เหมือนวัฏจักรเดิมๆของ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลกลับมาอย่างเป็นทางการอีกครั้งแล้วหลังเล่นหมดฟอร์มบุกแพ้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ชนิดสู้ไม่ได้ 4-0 แถมเกมนี้เหลือผู้เล่นแค่ 9 ตัวหลังชาร์ลี อดัมและมาร์ติน สเคอร์เทลถูกไล่ออกหมดสภาพนักศึกษากันไป

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2554


สนาม : ไวท์ ฮาร์ท เลน

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 4:0 ลิเวอร์พูล

ประตู
 : 1-0 โมดริช น.7, 2-0 เดโฟ น.66, 3-0 อเดบายอร์ น.68, 4-0 อเดบายอร์ น.90+3

คลิปไฮไลท์ สเปอร์ส 3-0 ลิเวอร์พูล


เจ้าบ้านสเปอร์ที่เกมนี้ต้องเจอกับปัญหาในแนวรับที่ต้องขาดไมเคิล ดอว์สันไปทำให้เลดลี่ย์ คิงที่หายหน้าหายตาลงมาแทน ส่วนนักเตะที่พักในเกมกับยูโรป้าลีกก็ได้คืนสนามหมด นอกจากนี้แล้วในฤดูกาลก่อนพวกเขาก็โชว์ฟอร์มดีกับลิเวอร์พูลอย่างมากหลักชนะได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน

ด้านลิเวอร์พูลก็ยกพลมาเยือนด้วยขุมกำลังที่เพรียบพร้อม โดยนัดนี้เลือกใช้ซัวเรสจับคู่กับคาร์โรลล์ แนวรับยังไว้ใจส่งคาร์ราเกอร์ลงต่อ ส่วนสเคอร์เทลก็รับบทแบ็คขวาต่อไปแม้เคลลี่จะกลับมามีชื่อในม้านั่งสำรองแล้วก็ตาม โดยนัดสุดท้ายที่เก็บชัยชนะจากสเปอร์ได้ก็ต้องเป็นช่วงต้นปี 2010

ครึ่งแรก

เจ้าบ้านทักทายก่อน
เปิดเกมมา 2 นาทีเจ้าบ้านก็ได้ทักทายก่อนเลยจากจังหวะบอลเปิดยาวทิ้งขึ้นหน้ามาให้ครานชาร์สปีดมาแตะบอลเข้ากลางให้อเดบายอร์ได้ยิงตามน้ำจังหวะเดียวเลยแต่ก็เฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น

หงส์เหนื่อย!ไก่บุกต่อเนื่อง
เดอะค็อปหายใจไม่ทั่วโลกกันจริงๆเพราะเปิดเกมมาเจ้าบ้านก็บุกแหลกแล้วโดยเบลหลุดมาทางซ้ายก่อนปาดกลับเข้ากลางให้เดโฟชาร์ตแต่แอคเกอร์ยังตามมาสกัดออกไปได้แบบเฉียดฉิว

โมดริซซัดงาม!พาไก่ออกนำหงส์
แต่แล้วถัดมานาทีเดียว"ไก่เดือยทอง"ก็ได้ประตูนำเร็วสมใจเลยจากลูกเปิดของเบลไปหน้าเขตโทษให้เดโฟ เอ็นริเก้พยายามสกัดไว้แต่ก็มาเข้าทางโมดริชได้สับไกยิงแบบไม่ต้องจับ บอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมแบบที่เรน่าหมดสิทธิ์เซฟ สเปอร์ออกนำลิเวอร์พูล 1-0 อย่างรวดเร็ว

เหนื่อยแทน!หงส์รับอย่างเดียว
กองหลัง"หงส์แดง"งานเข้าจริงจังหลังนาที 13 สเปอร์ได้บุกมาอีกชึดนึงจากครานชาร์ที่ได้ยิงไกลก่อน บอลติดบล็อกกลับไปหาครานชาร์ได้จ่ายออกซ้ายให้โมดริชได้ยิงเรียด คราวนี้เรน่ามาช่วยเซฟไว้ได้

โธ่'จารย์!หงส์โดนจับล้ำหน้าชวดตีเสมอ
ดัลกลิชออกอาการเซ็งเลยหลัง"หงส์แดง"เกือบได้ประตูออกนำแล้วจากลูกโยนยาวมาแล้วกองหลังสเปอร์เล่นช้าโดนคาร์โรลล์มาฉกได้ก่อนจะปล่อยให้ซัวเรสจิ้มผ่านมือฟรีเดลเข้าประตู แต่กรรมการก็จับเป็นลูกล้ำหน้าไป

ไก่มาอีก!ผู้กองซัดไกลข้ามคาน
นาที 20 เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกแล้วจากวอล์คเกอร์เติมมาทางขวาก่อนจ่ายกลับไปตรงกลางให้อเดบายอร์ทำชิ่งหนึ่งสองกับครานชาร์ก่อนจะเลือกยิงไกลระยะเกือบ 25 หลาแต่ก็ลอยข้ามคานออกไป

งานเข้า!แอคเกอร์เจ็บ-อดัมโดนแดง
"หงส์แดง"ต้องเปลี่ยนตัวไวเลยหลังแอคเกอร์เล่นต่อไม่ไหวจึงส่งโคอาเตสกองหลังที่ซื้อมาใหม่ลงมาประเดิมสนามเป็นครั้งแรก แค่นั้นยังไม่พอต้องมาเสียอดัมไปอีกคนเพราะโดนใบเหลืองที่ 2 จนต้องออกจากสนามไป

เบลปั่นฟรีคิกข้ามคาน
จากนั้น"ไก่เดือยทอง"ที่ได้เปรียบกว่าโขก็ครองเกมสนุกเลยโดยเกือบบวกลูกที่สองอีกครั้งจากฟรีคิกระยะหวังผลเกือบกลางประตูในนาทีที่ 35 และเป็นเบลที่รับหน้าที่ปั่นแต่ก็ลอยออกหลังไป

มาอีก!กาบูลได้โขกหลุดเสา
หลังจากที่ลิเวอร์พูลได้ครองบอลอยู่พักนึงก็กลับเป็นมาเป็นของเจ้าบ้านอีกครั้งและก็มีลุ้นในช่วงท้ายอีกทีจากลูกโยนของโมดริชเข้าไปที่เสาสองให้กาบูลได้โขกแต่ก็หลุดเสาออกหลัง

จากนั้นก็จบครึ่งเวลาแรกไป สเปอร์ที่ได้เปรียบกว่ามากออกนำลิเวอร์พูลที่เหลือ 10 ตัวไปก่อน 1-0

ครึ่งหลัง

เกือบสอง!เดโฟได้ยิงแต่หลุดเสาเฉย
เริ่มครึ่งหลังมาไม่ถึงนาที "ไก่เดือยทอง"ก็น่าจะบวกประตูที่สองจริงๆจากจังหวะกระชากของไคล์ วอล์คเกอร์ก่อนจะตบเข้ากลางให้อเดบายอร์ได้แตะต่อทีเดียวจนเดโฟมีโอกาสดวลกับเรน่าแบบเดี่ยวๆ แต่ก็ดันยิงผ่านเสาแรกออกหลังไปซะงั้น

ไก่มาอีกแล้ว
ยังเป็นเจ้าบ้านที่ได้ครองบอลบุกต่อไปโดยนาที 54 เป็นเบลอีกครั้งที่ขยับเข้ามารับบอลเกือบกลางประตูก่อนตัดสินใจยิงไกลเลยแต่ไม่คมพอ บอลบดกลิ้งออกหลังไป

ยิงทีแรก...ซัวเรสปั่นฟรีคิกหลุดกรอบ
ในที่สุดลิเวอร์พูลก็มาได้ลุ้นแบบจริงๆจังๆซักทีจากจังหวะที่ได้ลูกฟรีคิกเกือบบนเส้นเขตโทษก่อนจะเป็นซัวเรสคนที่ทำให้ได้ฟาวล์รับหน้าที่เอง แต่ก็ไม่ดีพอปั่นหลุดกรอบออกไปหาคนดูหลังประตู

ยังไม่พอ!สเคอร์เทลแดงอีก
เหลือ 10 คนแถมยังตามหลังอยู่ลูกนึงแต่ก็เลวร้ายได้อีกเพราะสเคอร์เทลต้องมาโดนเหลืองที่ 2 ออกจากสนามไปอีกคน ทำให้"หงส์แดง"เหลือผู้เล่นอยู่ในสนามเพียงแค่ 9 คนเท่านั้น

จะเหลืออะไร!เดโฟบวกลูกสองให้ไก่
และแล้วเจ้าบ้านก็ตามหาลูกที่ 2 เจอจนได้โดยมาจากลูกแทงทะลุช่องของฟาน เดอ ฟาร์ทไปให้กับเดโฟก่อนจะบังบอลอยู่กับคาร์ราเกอร์แล้วพลิกหนีดื้อๆแล้วตามด้วยตวัดยิงทันที บอลผ่านมือเรน่าซุกก้นตาข่าย นาที 68 สเปอร์ทิ้งห่างลิเวอร์พูลที่เหลือ 9 คนเป็น 2-0

ไหลแล้ว!ผู้กองซัดลูกสาม
ไก่ไหลเลยคราวนี้ มาบวกลูกสามได้ต่อเนื่องเลย โดยเริ่มจากโมดริชให้กับฟาน เดอ ฟาร์ท จ่ายต่อให้เดโฟได้ลองส่งไกลดู เรน่าพยายามจะรับไว้แต่บอลแรงเกินกระฉอกแล้วเป็นอเดบายอร์ที่ตามมายกบอลข้ามคานเรน่าไปยิงแบบโล่งๆ สเปอร์ตอกตะปูปิดฝาโลงนำทิ้งห่างไปอีกเป็น 3-0

ไก่ครองบอลสบายตีน
เกมเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย"ไก่เดือยทอง"ใช้ความได้เปรียบแบบคุ้มค่าครองบอลเกือบจะฝ่ายเดียวแต่ก็ไม่ได้เร่งจังหวะหาประตูเพิ่มอะไรมากนัก

ไก่-หงส์ลองส่องไกล
ท้ายเกมสเปียริ่งลองส่องไกลระยะ 30 หลาดูแต่ก็ไม่แม่น เช่นกันกับเบลที่ได้ลองยิงไกลดูซักทีแต่ก็เหินข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น

ฟาร์ทลองชิปไม่ข้ามหัว
เข้าช่วงทดเจ็บแล้วฟาน เดอ ฟาร์ทเกือบมาบวกประตูที่ 4 ให้กับ"ไก่เดือยทอง"ได้จากการฉีกไลน์กองหลังไปรับบอลทะลุช่องก่อนจะชิปบอลกะให้ข้ามหัวเรน่าแต่ก็ยังสูงไม่พอเรน่ายังปัดแล้วรับไว้ได้ทัน

จนได้!บายอร์เบิ้ลลูกสอง
ทดเจ็บจะหมดเวลาอยู่แล้วแต่สเปอร์มาบวกประตูที่ 4 จนได้จากการอเดบายอร์ที่ยืนโล่งทางขวาได้ลูกเปิดยาวมาก่อนจะจับบอลหนึ่งทีแล้วยิงผ่านมือเรน่าเข้าไปตุงตาข่าย สเปอร์นำห่างลิเวอร์พูลหมดสภาพ 4-0

สุดท้ายแล้วลิเวอร์พูลที่อดัมกับสเคอร์เทลโดนไล่ออกจนเหลือเพียง 9 คนก็ต้านทานไม่ไหวโดนสเปอร์เปิดบ้านอัดเละแบบหมดสภาพ 4-0 สเปอร์ชนะ 2 นัดจนขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 11 ของตาราง

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
 : แบรด ฟรีเดล 7.5, เลดลี่ย์ คิง 8.0 (บาสซง น.83), ยูเนส กาบูล 8.0, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้ 7.0, ไคล์ วอล์คเกอร์ 7.0, สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ 8.0, ลูก้า โมดริช 8.5, เกเร็ธ เบล 7.5, นิโก้ ครานชาร์ 7.5 (ฟาน เดอ ฟาร์ท น.45 7.0), เจอร์เมน เดโฟ 8.0 (ดอส ซานโตส น.83), เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 8.5

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คาร์โล คุดิชินี่, โรมัน พาฟลูเชนโก้, แวดราน ชอร์ลูก้า, เจ๊ค ลิเวอร์มอร์

ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 5.0, ดาเนียล แอคเกอร์ 6.0 (โคอาเตส น.27 5.0), เจมี่ คาร์ราเกอร์ 5.5, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 5.5, มาร์ติน สเคอร์เทล 4.0, ชาร์ลี อดัม 3.5, ลูคัส 5.5, สจวร์ต ดาวนิ่ง 5.5 (เบลลามี่ น.70 5.5), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 5.0, หลุยส์ ซัวเรส 5.5 (สเปียริ่ง น.70 5.0), แอนดี้ คาร์โรลล์ น.4.0

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : เดิร์ก เคาท์, มักซี่ โรดริเกวซ, โดนี่, แจ๊ค โรบินสัน